รู้มาแต่เด็กว่า 18 สิงหาคม คือวันวิทยาศาสตร์
รู้มาตลอดว่าเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ทรงทำนายพยากรณ์ และเชิญชาวต่างชาติมาดูสุริยุปราคา….ทรงคำนวณได้อย่างแม่นยำ และทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
แต่ไม่เคยรู้ว่า…ทรงลำบากเพียงใด อุปกรณ์ดาราศาสตร์ที่ทรงใช้นั้นอ่อนด้อยกว่านักดาราศาสตร์ฝรั่งเศสขนาดไหน….คนแห่แหนมาจากตะวันตก เสนาบดี ราชนิกูล คณะทูติ ราชอาคันตุกะ และผู้สังเกตการณ์จากตะวันตก ตั้งแคมป์ดูยาวตลอดหาดสามร้อยยอดกว่า3กิโลเมตร ทรงใช้งาส่วนพระองค์รับรองอาคันตุกะ ตระเตรียมงานกว่า 20,000 ปอนด์ ผู้เข้าร่วมชมหลักหมื่นคน
เบื้องลึกเบื้องหลังไม่เพียงต้องการประกาศความเป็นอารยะ แต่ทรงต้องการให้คนไทยซึ่งขณะนั้นเป็นคนด้อยการศึกษาร้อยละ 99.99 ให้เลิกงมงาย ล้างความเชื่อเช่นราหูล เห็นความสำคัญของการศึกษาและวิทยาศาสตร์ การคำนวณเวลาเคลื่อนเข้าและเคลื่อนออกของสุริยะคราสจึงสำคัญ เพื่อบอกให้รู้ว่า การที่พระอาทิตย์กลับมาอีกครั้งนั้นเกิดจากการโคจรของจันทร์ ไม่ไช่เพราะความตกใจเสียงประทัดของยักษ์ราหูล……และทรงทำสำเร็จจนเป็นที่อัศจรรย์ใจ หนังสือสารานุกรม และดาราศาสตร์ทั่วโลกยังคงกล่าวขานและบันทึกถึงเหตุการณ์นี้เมื่อกล่าวถึงประวัติการศึกษาทางดาราศาสตร์
แต่ชัยชนะนี่กลับแลกมาด้วยชีวิตของพระองค์เองด้วยอาการไข้ป่า ชาวฝรั่งเศส8ใน10คนที่ร่วมสังเกตการณ์ก็ประสบเหตุป่วยไข้ไล่เรียงกัน ทรงไม่ยอมรับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบัน ทรงสวรรคต 1 ต.ค. พ.ศ.2411. ซึ่งหากพิจารณาตามปฏิทินจันทรคติ นั้นตรงกันกับวันคล้ายวันราชสมภพ ตามที่ทรงตั้งพระราชปณิธานเอาไว้
พระปัจฉิมพจน์ “ความตายใดๆของสัตว์ทั้งหลาย ความตายนั้นไม่เป็นอัศจรรย์ เพราะความตายนั้นเป็นหนทางไปของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงหมดด้วยกัน”
บุญของคนไทยที่มีในหลวง ทรงพระทัยกว้างขวางให้มีข้าราชการต่างชาติ ทำให้มีบันทึกที่บรรยายเรื่องราว จดหมายเหตุ ทำให้ได้เห็นภาพต่างๆอย่างชัดเจนในมุมมองของคนต่างชาติ (แม้แอนนา เลียวโนแวนซ์ จะเอาเรื่องไปเขียนแบบใส่จินตนาการ และโดนดัดแปลงต่อจนกลายเป็นนิยายรักแปลกๆที่คนรู้จักไปทั่วโลกก็ตาม)
Credit:
A physician at the court of Siam. By Malcolm Smith.